21/6/51

เมื่อนักวิทยาศาสตร์แดงเดือด

ยุคการค้นพบไดโนเสาร์และสงครามแย่ง ความเป็นใหญ่กันระหว่างนักวิทยาศาสตร์ รุ่น ศตวรรษ ที่ 19 เริ่มจากมีคนพบกระดูกต้นขาไดโนเสาร์แต่ไม่รู้ว่าเป็นกระดูดของสัตว์อะไร จึงส่งไปให้ ดร.แคมปาร์ วิสทาร์ นักกายวิภาคศาสตร์ชั้นนำของยุโรป ตรวจ วิสทาร์ไม่ได้สนใจมากนักเพียงนำไปพูดครั้งสองครั้งแล้วนำไปเก็บในโกดังจนหาย นับเป็นเรื่องแปลกเพราะในอเมริกาเขากำลังตื่นตัวกับสัตว์โบราณมากสาเหตุของการตื่นตัวเนื่องมาจาก กอมต์ เดอบูฟองได้ทำการทดลอง การแผ่รังสีความร้อน ของลูกกลมเหล็ก เขาได้เขียนแสดงความคิดเห็นไว้ว่า สิ่งมีชีวิตยุคใหม่ ด้อยกว่ายุคเก่าทุกเรื่อง โดยเฉพาะเขากล่าวถึง อเมริกันว่าเป็นดินแดนที่มีน้ำไม่หมุนเวียน ดินไม่ให้ผลผลิต สัตว์จึงมีขนาดไม่ใหญ่ และไม่แข็งแรง เพราะไอพิษที่พุ่งขึ้นมา ทำให้น้ำเน่า ป่าที่มีแสงแดดส่องไม่ถึง ดูได้จากคนอินเดียแดงที่ไม่มีหนวดเครา หรือขนตามร่างกาย ทำให้ โธมัส เจฟเฟอร์สัน ไม่พอใจถึงขันโกธรมาก ได้เขียนหนังสือคัดค้าน บูฟอง พร้อมให้เพื่อนที่เป็นทหาร ชื่อ นายพล จอห์น ซัลลิแวน นำทหาร 20 คนออกเดินป่าหาสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ ร่างกายแข็งแรงมาลบล้างคำกล่าวของบูฟอง
ในขณะเดียวกันที่ฟิลาเดลเฟีย เมืองที่วิสทาร์อยู่ นักธรรมชาติวิทยา เริ่มมีการรวบรวมกระดุกของสัตว์ยักษ์ คล้ายช้าง ได้ชื่อต่อมาว่า แมมมอช กลายเป็นว่าครั้งหนึ่งในอเมริกาเคยเป็นบ้านของสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ยักษ์ เพื่อจะลบล้างคำกล่าวบูฟอง แต่บูฟองยินดีมาก เพราะนั้นแหละคือบทสรุปของเขา เพราะสัตว์ใหญ่เหล่านั้น มันได้สูญพันธุ์ไปแล้ว เพราะมันไม่สามารถมีชีวิตอยู่ในธรรมชาติอันโหดร้ายของอเมริกันได้หลังจากนั้นบูฟองก็เสีชีวิต
หลังจากบูฟองเสียชีวิตก็ยังมีข้อถกเถียงกันไม่สิ้นสุด ในปี 1795กระดูกชุดหนึ่งถูกส่งไปยังปารีส เพื่อให้ จอร์จส์ คูวิเยร์ นักบรรพชีวินวิทยาผู้ที่สามารถนำกระดูกสัตว์มาต่อเป็นร่างได้และยังบอกถึง สปีชีส์ จีนัส ของสัตว์นั้นๆได้ พร้อมให้ชื่อว่า มาสโตดอน คูวิเยร์ได้เขียนงานชิ้นสำคัญ ที่มีข้อเสนอทฤษฏี เกี่ยวกับการสูญพันธุ์เป็นครั้งแรก ว่าครั้งหนึ่งโลกประสบภัยหายนะ ทำให้สิ่งมีชิตบางกลุ่มถูกกวาดล้าง ซึ่งขัดแย้งกับความเชื่อเรื่อง ห่วงโซ่แห่งชีวิตซึ่งยึดโยงโลกไว้อย่างละเอียด เจฟเฟอร์สัน ก็ไม่ยอมรับอีก เมื่อมีการส่งคนไปสำรวจอเมริกา เขาก็ไปด้วยโดยหวังจะได้พบ มาสโตดอน ที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่การไปครั้งนี้วิสทาร์ ไปด้วย
ในปีเดียวกันขณะที่คูวิเยร์ กำลังผลักดันทฤษฏีการสูญพันธุ์อยู่ในปารีส ทางอังกฤษก็กำลังทำการศึกษาซากฟอสซิลจากชั้นของหิน โดยวิลเลียม สมิช เขาสามารถคำนวณอายุเปรียบเทียบอายุของหินจากซากของฟอสซิล ไม่ว่ามันจะปรากฏอยู่ที่ใหน พร้อมทั้งทำแผนที่ชั้นหิน แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้สงสัยว่าสิ่งที่อยู่ในชั้นหินเกิดมาอย่างไร แต่งานของสมิชไปเสริมทฤษฏีบูฟองเรื่องการสูญพันธุ์และไม่ได้เกิดเพียงครั้งเดียวแต่ต้องเกิดขึ้นสม่ำเสมอด้วย ดังนั้นฟอสซิลจึงมีความสำคัญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้วิสทาร์หวนคิดถึงกระดูกไดโนเสาร์ที่มีคนนำมาให้ จึงได้มีการขุดหาในที่ต่างๆแต่ไม่สำเร็จ ต่อมามีคณะสำรวจของลิวอิส กับ คลาร์ก เดินทางไปสำรวจและสรุปได้อย่างชัดเจนว่ากระดูกไดโนเสาร์ฝังอยู่ในชั้นหิน เมื่อมีการพบกระดูกและรอยเท้าของแอนดิซอรัส ถือเป็นกระดูกไดโนเสาร์ชิ้นแรกที่มีการสำรวจและเก็บรักษาไว้ แต่ก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรจนวิสทาร์เสียชีวิต
หลังจากวิสทาร์เสียชีวิตกระแสบรรพชีวินวิทยาในอังกฤษกำลังมาแรงเด็กหญิงคนหนึ่งชื่อ แมรี แอนนิ่ง ได้ค้นพบฟอสซิลสัตว์ทะเลยักษ์ยาว 17 ฟุต ซึ่งปัจจุบันเรียกว่าอิคไอโอซอรัสและเธอยังพบกระดูกไดโนเสาร์อื่นๆ อีกหลายตัวแต่เธอก็ขายเลี้ยงชีพชื่อของเธอก็ไม่ได้รับการยกย่องจากบรรพชีวิน และอีกคนหนึ่งที่ เหมือนเธอคือ หมอกิเดียน อัลเดอร์นอน แมนเทลส์ ภรรยาของเขาพบหินสีน้ำตาลมาให้ ซึ่งต่อมามันคือฟอสซิลฟัน ของสัตว์กินพืชประเภทสัตว์เลื้อยคลาน ยุคครีเตเชียส ครั้งหนึ่งเขาส่งไปให้คูวิเยร์ดู เขาบอกว่าเป็นฟันของฮิปโปโปเตมัส แต่เขาบอกกับเพื่อนว่า อีกัวนา เขาจึงตั้งชื่อว่าอีกัวโนดอน พอตรวจสอบได้ความจริงจากสาธุคุณบัคแลนค์ว่าเป็น เมกาโลซอรัส และเขียนรายงานตีพิมพ์คำบรรยายในลักษณะ ของไดโนเสาร์เป็นครั้งแรก ดังนั้นจึงเป็น บัคแลนค์ ที่ได้ชื่อ ว่าเป็นผู้ค้นพบสายพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตโบราณ แต่แมนเทลส์ ก็ไม่ท้อใจยังค้นหาซากฟอสซิลต่อ และได้พบอีกตัวชื่อ ไฮลีโอซอรัส และอีกมากที่เขาซื้อมมจนได้ชื่อว่านักสะสมฟอซิลที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษที่สุดเขาเสียเงินจากการซื้อฟอสซิลมากจนถึงขั้นเป็นหนี้ต้องขายของใช้หนี้ แถมลูกเมียก็หอบผ้าหนีและเขายังได้รับอุบัติเหตุจากรถถึงขั้นพิการกระดูกสันหลังหัก
ชื่อของริชาร์ด โอเวน แพทย์ผ่าตัด ที่มีความโดดเด็นอย่างรวดเร็วเขาสามารถปะติดปะต่อกระดูก ได้เก่งเท่าคูวิเยร์ จนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นนำเรื่องสัตว์ ทั้งที่มีชีวิตอยู่และที่สูญพันธุ์ไปแล้ว เขาเป็นคนแรกที่เขียนรายงานเกี่ยวกับกายวิภาคศาสตร์ของสัตว์มากถึง 600 ชิ้น ถือเป็นอัจฉริยะวัยหนุ่ม และงานที่โดดเด่นของเขาคือแยกแยะสัตว์และตั้งชื่อสัตว์ ถึงขั้นเปลี่ยนชื่อสปีชีไดโนเสาร์ ที่แมนเทลล์เคยตั้งไว้ และยังใช้อิทธิพล ในรอยัลโซไซตี้ เพื่อให้รายงานทั้งหมดของแมนเทลล์ ถูกตีกลับ แมนเทลล์ทนต่อการรังแกจากโอเวนไม่ได้จึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย กระดูกสันหลังที่พิการของแมนเทลล์ก็ตกไปอยู่ในมือของโอเวน ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ อันเทอร์เรียน
หลังจากแมนเทลล์เสียชีวิต ผลงานของเขากลับทำชื่อเสียงให้คูวิเยร์ และโอเวนแทน แต่โอเวนก็ถูกกรรมตามสนอง ฮักซ์ลีย์ จัดการกับโอเวนอย่างที่โอเวนเคยทำกับคนอื่น เขาถูกโหวดออกจากสภาสัตววิทยา และโรยัลโซไซตี และฮักซ์ลีย์ก็เป็นแทนผลงานของโอเวนก่อนถูกออกคือเปลี่ยนแปลงการเข้าชมพิพิธภัณฑ์จากเมื่อก่อนออกแบบไว้เพื่อชนชั้นสูงเป็นเพื่องานวิจัยสำหรับทุกคน คุณความดีของโอเวนทำให้ชนรุ่นหลังสร้างรูปปั้นอนุสรณ์ไว้ให้ที่ชานบันไดในห้องโถงใหญ่ในสภาวิทยาศาสตร์
ในวงการวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ ยังมีสงครามเกิดขึ้นอีกระหว่าง เอ็ดเวิร์ดดริงเทอร์โคป กับ โอธเนียล ชาร์ลส์ มาร์ช เขาแข่งขันกัน เพิ่มสปีชีส์ไดโนเสาร์ มาร์ช เพิ่มจาก 9ชนิด เป็น 150 ชนิด แต่โคปจะมีความสามารถมากกว่ามาร์ช เขาเขียนรายงานเอาไว้ถึง 1,400 ชิ้น อธิบายสปีชีส์ใหม่ของฟอสซิล เกือบ 1,300 ชนิด แต่เขาโชคร้ายกว่ามาร์ช ผลงานของเขาตกมาก ๆ เขาหมดตัวสุดท้ายที่อยู่ของเขาคือบ้านไม้อัดห้องเดียวล้อมรอบด้วยหนังสือและกระดูก ส่วนมาร์ช อยู่ในมนชั่นอันสวยหรู โคปตายปี1897 สองปีต่อมา มาร์ชก็ตายตาม

1 ความคิดเห็น:

กุหลาบ กล่าวว่า...

จากการอ่านบทความนี้ทำให้ทราบข้อมูลของไดโนเสาร์ จึงได้ค้นคว้าเพิ่มเติมพอสรุปได้ดังนี้
ไดโนเสาร์หายไปไหน
เป็นความลี้ลับที่ยังไม่มีใครอธิบายได้ นักวิทยาศาสตร์พบแต่ซากโครงกระดูกของไดโนเสาร์มีอยู่กลาดเกลื่อนตามชั้นหินเก่าแก่ ตามที่ต่างๆ ทั่วโลก แต่ก็ไม่มีวี่แววร่องรอยให้เห็นเลยว่าทำไมไดโนเสาร์จึงต้องสูญพันธุ์ไปจากโลกนี้จนหมดสิ้น คำตอบนั้นมีมากมายแต่เป็นคำตอบในรูปของทฤษฎีที่ยังต้องรอการพิสูจน์ เป็นคำตอบที่มีข้อโต้แย้ง ซึ่งสรุปโดยย่อๆ ดังนี้
1. ทฤษฎีเพราะมันตัวใหญ่เกินไป
2. ทฤษฎีสูญพันธุ์เพราะมนุษย์ต่างดาว
3. ทฤษฎีเพราะมนุษย์ล่าจนหมด
4. ทฤษฎีแผ่นดินไหว
5. ทฤษฎีไดโนเสาร์ตกมัน
6. ทฤษฎีเกิดโรคระบาด
7. ทฤษฎีรังสีคอสมิค
8. ทฤษฎีไข่ถูกทำลาย
9. ทฤษฎีอดตาย
10. ทฤษฎีบันได เด็คแคน
11. ทฤษฎีการขาดอากาศ
12. ทฤษฎีน้ำล้นออกจากมหาสมุทรอาร์คติก
13. ทฤษฎีอุกกาบาตพุ่งชนโลก
14. ทฤษฎีน้ำแล้ง
จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ก็ลองศึกษาดูนะคะ คำตอบอยู่ที่คำตอบค่ะ

กุหลาบ